top of page
prefall-2014-runway-report-002.jpg

prefall-2014-runway-report-002.jpg

prefall-2014-runway-report-003.jpg

prefall-2014-runway-report-003.jpg

prefall-2014-runway-report-004.jpg

prefall-2014-runway-report-004.jpg

prefall-2014-runway-report-005.jpg

prefall-2014-runway-report-005.jpg

PRE-FALL 2014 collection trend report

One thing that we could trace and track the upcoming runway trends in Fall  is to view the pre-fall collection. Pre-fall always be a good transition between Spring/Summer and Fall/Winter trend as it might be the easiest way to predict what will be happening in the next Fall/Winter.To get ready for this Fall 2014, we would like to offer  4 key directions of design that would be the main movement of the season.

 

No need to explain how many times of masculinity took action in womenswear. It is more than obvious that for many season Pants suit, tuxedo,oversize blazers, mens trousers, bold shape top and bottoms with a not too short but not too long length,  have been introduced into women’s runway and they are doubtlessly comfortable enough to stay longer.

 

The culture of ‘no shape no matter’ is also in a good mood to interpret to any other design direction. As well as art aesthetic elements, we recently see more extreme color pigments, handicraft work inspiration, humanity and philosophy in culture that bounded to fashion. It is no doubt to say that “we are more attracted to connect with the real graspable experience”. Having too much attach to the Big data, would it be a good idea to have digital detoxed? For this moment, “we stop chasing future. The future is here. To create what we want it to be”

 

First trend that we can find here is the ‘Fauvist Hautey’. Eventhough it is expressed by the intense colour fusion, these colours are not the primary colour themselves. Besides, it is delivering the sense of nonnatualistic paints while portraying the flourish develpment of  combining high fashion with fast colours.

 

คอลเลคชั่น พรีฟอล มักจะเป็นสัญญาณที่ดีเสมอ ในการคาดการณ์การเปลี่ยนผ่านของแฟชั่นล่วงหน้าในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ที่กำลังใกล้เข้ามา เพื่อเป็นการเตรียมตัวที่ดีก่อนปลายปี 2014 นี้ เหล่าดีไซเนอร์จากแฟชั่นเฮาส์ระดับโลกต่างเผยงานดีไซน์คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด ที่พร้อมจะให้สาวๆทั่วโลกจับจองเป็นเจ้าของ แน่นอนว่ากระแสเทรนด์หลักที่เราได้ถอดรหัสออกมานั้นก็ต่างน่าตื่นเต้นแปลกใหม่และน่าสนใจมากทีเดียว

 

สิ่งแรกที่เราแทบไม่ต้องสงสัยเลยคือกระแสของ menswear ที่เข้ามามีบทบาทใน womenswear จนได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ผู้หญิงสุดเท่ เสริมลุคเข้มแข็งด้วยลูกเล่นของเสื้อผ้าชาย เช่น ชุดสูทกางเกง ชุดทักสิโด้ เสื้อคลุมไซส์ใหญ่ กับกางเกงทรงตรง เสริมด้วยการออกแบบที่ใช้อิทธิพลของรูปทรงที่หนา ตรงไปตรงมามากขึ้น ยิ่งทำให้ไปได้ดีหากเราจะเลือกสวใใส่ช่วงล่างที่ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป นี่เองคงเป็นเหตุผลว่าทำไมกระแสของ Masculinity จึงได้กลายเป็นกระแสหลักและคงอยู่ได้อีกหลายฤดูกาลได้สบายๆเลยทีเดียว

 

ด้วยโครงชุดที่เปลี่ยนไป เพื่อความสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของ womenswear ทำให้เกิดวัฒนธรรมของการไม่ใช้โครงชุดที่เน้นสรีระของผู้หญิง ความเรียบง่ายสไตล์ร่วมสมัยนี้เอง ที่เอื้อต่อการดีไซน์หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะ ในฤดูกาลนี้ความสำคัญของแรงบันดาลใจด้วยศิลปะ เช่น งานสัญลักษณ์ท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งปรัชญาทั้งหลายที่สร้างโดยมนุษย์ ก็ได้ถูกนำมารังสรรค์ผ่านงานออกแบบ และจิตวิญญาณ ของดีไซเนอร์ระดับท็อปคลาสเหล่านี้ น่าแปลกที่แนวคิดต่างๆเหล่านี้ต่างพยายามที่จะปล่อยวางความเป็นยุคดิจิตอล พร้อมทั้งเลือกสิ่งที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้ด้วยการสัมผัสเช่น ภาพประกอบจากงานพื้นบ้าน รูปทรงของงานประติมากรรมต่างๆ  นี่คงเป็นสัญญาณครั้งสำคัญให้เราเลิกที่จะวิ่งไล่ตามอนาคต เพราะอนาคตอยู่ที่เราออกแบบมันขึ้นมาต่างหาก

 

FAUVIST HAUTEY

เทรนด์แรกจากการสำรวจพาเหรดแฟชั่นคอลเลคชั่นจากเมืองแฟชั่นระดับโลก อย่างเช่น นิวยอร์ค มิลานลอนดอน และ ปารีส ก็คือ โฟวิส โอตตี้ ( Fauvist hautey) เป็นเรื่องราวของสีสันของอารมณ์รุนแรง แต่กลับนำมาปรับใช้ในมุมมองของ โอต กูทัวร์ (Haute Couture) ทัศนคติแห่งแฟชั่นชั้นสูง ได้เข้ามายกระดับปรับความหมายที่เคยว่าฉาบฉวย เป็นงานเรดี้ ทู แวร์ ดีไซน์ ( ready-to-wear) อันเลอค่าทีเดียว

 

 

 

FOLK TROTTER โฟล์ค ทรอตเตอร์

ด้านงานอาร์ตอีกแขนงหนึ่งอย่าง สิลปะพื้นบ้าน เช่น โฟล์คอาร์ต ( Flok art) ได้ทำงานร่วมกับแฟชั่นในการสะท้อนวัฒนธรรมอันเป็นเป็นรากเง้า ตัวตนเฉพาะของแต่ละชุมชน ครั้งนี้เอง ดีไซเนอร์ระดับท๊อปคลาสอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟล (karl Lagerfeld) ได้หยิบเอากลิ่นอายอันโดดเด่น ทั้งยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของเมืองเท็กซัสทางตอนใต้ของอเมริกา มาบรรจงสร้างสรรค์เป็นแรงบันดาลใจ ส่วนทางด้าน วาเลนทิโน่ (valentino) ได้เอาลูกเล่นของรูปทรงเรขาคณิต มาใช้งานร่วมกัน โทนสีแลนด์สเคป(Landscape tone) ชวนให้นึกถึงลวดลายผ้าทอประจำชนเผ่าเร่ร่อน นักเดินทางหญิงผู้นี้ก็ชิคเท่ไม่แพ้ใคร                                                                             

 

 

 

FOLK TROTTER

For a spirit traveler, this is time for you to step outside with hats on , heels off and put the boots on instead. The folklore culture reflects its own roots. From Chanel pre-fall show, Lagerfeld has delivered us a new southern charisma of Texas while Valentino chose to use folky geometric graphics.

 

 

 

 

NEXT GRUNGE เน็กซ์ กรันจ์

แม้ว่ากระแสของสไตล์กรันจ์ (grunge) จะทำให้เรานึกถึงภาพความดิบเถื่อน แวดล้อมไปด้วยสิ่งของรกรุงรัง ผสานกับเสียงเครื่องดนตรีหนักๆ แต่ความคิดเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปแล้วสำหรับยุคสมัยที่เรากำลังจะก้าวเดินไป ความแข็งแกร่งและลุ่มลึกต่างหากที่จะเป็นความหมายใหม่ของเทรนด์นี้ ด้วยความโดดเด่นของการลดทอนโครงชุดให้ตรงไปตรงมามากขึ้นกลับไม่ได้ลดทอนคุณค่าของหญิงสาวได้เลย ตรงกันข้าม สีดำสีอันทรงพลังนี้มาพร้อมกับทัศนคติใหม่ล่าสุดของเลดี้อินแบลกค์ นี่คือความหรูหราที่สะท้อนถึงความเป็นชายในหญิง มุมมองอันลึกลํ้าของเบื้องลึกในจิตใจ

NEXT GRUNGE

Grunge culture had grown out of the raw, messy scene surrounding the raw, loaded of instrumental sound. For today and tomorrow, the strong statement of being "Tough and dark" is a new definition for the next grunge ,translating through the black evolution. Black is not boring. It always speaks for grunge culture as well as dark side of women. Black is a shadow side , it reflects  masculinity , innate mind and contradiction.

 

 

 

SCULPT สคลัปท์

เราต่างรอคอยและคาดหวังว่าแฟชั่นกำลังจะพาพวกเราไปยังยุคสมัยใด อนาคตกับสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นคืออะไรกันแน่ นี่คือสิ่งหนึ่งที่เหล่าดีไซเนอร์พยายามจะให้คำตอบกับพวกเราถึงมุมมองแฟชั่นในศตวรรตที่21  การที่หยิบยกแรงบัลดาลใจมาจากงานประติมากรรมอันน่าประทับใจมาผสมผสาน รวมกันกับเทคนิคเดรปปิ้งอันประณีตซับซ้อน ราวกับพยายามจะประกาศก้องว่านี่แหละคืออนาคตที่เราต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวเราเอง หาใช่การรอคอย ปรากฎการณ์ใดใด

SCULPT

We are embodying and molding oneself to another. Body architechture doesn’t seem very new for fashion philosophy. Instead of couture fashion , it had become more practicle and funtional for new market segment. Shaping the future is our duty , perhaps this is what clothing is trying to state out loud .

 

 

 

 

bottom of page